ศูนย์วิจัยแบคทีเรียและไวรัส

2020-04-24 18:38:00

      

ผู้ก่อตั้งและการก่อตั้ง

ดร.ยอดยิ่งเทพธรานนท์

ดร.ยอดยิ่ง เทพธรานนท์ (พ.ศ.2488-2560) มีชื่อเสียงระดับชาติ ในด้านความรู้เชิงลึกของวิทยาศาสตร์ขั้นสูง และผลงานของท่านที่อุทิศให้แก่ประเทศทั้งด้านสุขภาพและการช่วยเหลือรักษาผู้คนจากความเจ็บป่วย ท่านมีประวัติสำเร็จการศึกษาในหลากหลายสาขาจากสถาบันมีชื่อเสียงระดับโลกและความเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพหลากหลายด้านวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนได้แก่ สรีรวิทยาระดับเซลล์(ขั้นสูง) ภูมิคุ้มกันวิทยาในมนุษย์(ขั้นสูง) ชีวเคมีพฤกษเคมี และวิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพร ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ชาญฉลาดมากและผ่านประสบการณ์การค้นคว้าพัฒนาและการรักษามากกว่า 40 ปี ในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการแพทย์แนวใหม่ ดร.ยอดยิ่งเป็นผู้ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับชีวิตการทำงานมาโดยตลอด

จากผลงานจำนวนมากอันทรงเกียรติซึ่งเป็นที่จดจำในระดับชาติด้วยสติปัญญาที่โดดเด่นและความทุ่มเทไม่หยุดหย่อนของท่าน จึงทำให้ท่านได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2523 ซึ่งนับว่าเป็นอายุงานที่น้อยมากเปรียบกับรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้ ในเวลาต่อมาผลงานของท่านมุ่งเน้นการรักษาความเจ็บป่วยและความทุกทรมานของมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 20 ปีสุดท้ายของชีวิตจากความสำเร็จที่น่าทึ่งของท่านผ่านความทุ่มเทอย่างเต็มที่และความอ่อนน้อมถ่อมตนนอกเหนือจากความมีชื่อเสียง ท่านจึงได้รับการประกาศเกียรติคุณว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติถูกยกย่องให้เป็น ‘คนดีของสังคม’ในปี พ.ศ. 2553 ถึงกระนั้นดร.ยอดยิ่งก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเกียรติยศเหล่านั้น ท่านยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่อันดีเยี่ยมของท่านเพียงเพื่อช่วยเหลือผู้คนต่อไป

การทำงานอย่างหนักของดร.ยอดยิ่งนั้นนับว่าเป็นการบ่มเพาะและพัฒนาอย่างยิ่งยวดซึ่งเป็นผลไปสู่การค้นพบต่างๆ ในการช่วยรักษาโรคที่เคยทราบกันว่ารักษาไม่หายอย่างมากมาย สิ่งเหล่านี้ช่วยผู้ป่วยโรคร้ายตั้งแต่ระยะกลางไปถึงระยะสุดท้าย ทั้งผู้ป่วยยากดีมีจนก็ตาม ตลอดชีวิตการทำงานของท่านได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ภาวะไตวาย HIV โรคติดเชื้อร้ายแรงและโรคเรื้อรังที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอภาย ในทีมงานของท่านท่านได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์เป็นจำนวนมาก

นอกเหนือจากการค้นพบทางวิจัยและการพัฒนาอย่างหน้าทึ่งของท่านดร.ยอดยิ่ง ท่านเลือกที่จะใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างสมถะเหนือชื่อเสียงทั้งปวง ท่านได้จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560 จิตวิญญาณของดร.ยอดยิ่งจะยังคงอยู่กับผลงานของท่านซึ่งจะยังดำเนินสืบต่อไป ตามความปรารถนาของท่านที่จะพัฒนาด้านการแพทย์ให้ได้ผลสูงสุด ความอุตสาหะของท่านจะคงอยู่เพื่อต่อยอดความพยายามและความทุ่มเทอย่างสุดหัวใจของท่านด้วยเจตนารมณ์ที่จะบรรเทาความทุกข์ทรมานของมวลมนุษย์

ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของท่านทางด้านสุขภาพและการรักษาของมวลมนุษย์

ดร.ยอดยิ่งใช้ชีวิตในช่วง 10 ปีสุดท้ายไปกับการค้นคว้าอย่างจริงจังเพียงเพื่อเป้าหมายเดียว: เพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของมวลมนุษย์จากโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ ด้วยพื้นฐานที่กว้างขวางด้านวิทยาศาตร์และนวัตกรรมทางการแพทย์ ดร.ยอดยิ่งได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยแบคทีเรียและไวรัส (ศูนย์วิจัยBVRC)ในปี พ.ศ. 2536 เป็นองค์กรอิสระไม่แสวงผลกำไร ตั้งอยู่ที่อำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาครประเทศไทย แม้ว่าวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งโดยแรกเริ่มของศูนย์วิจัย BVRC นั้นเพื่อริเริ่มงานวิจัยทางการเกษตรระดับชาติ แต่ดร.ยอดยิ่งทราบเป็นอย่างดีว่าศูนย์วิจัยนี้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้มากกว่าการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 25 ปีที่ผ่านมาผลงานของท่านได้ช่วยบรรเทาโรคร้ายแรงของมนุษย์และนำเสนอคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วยที่อ่อนแอเป็นจำนวนมาก

BVRCเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นไม่ใด้เป็นเพียงแค่สถาบันหรือศูนย์วิจัย แต่ในทางตรงกันข้ามกลับต่อยอดมาจากความตั้งใจอันแรงกล้าของชายคนหนึ่งที่อยากจะช่วยผู้คนด้วยใจจริง ซึ่งเริ่มต้นจากที่ดร.ยอดยิ่งมีความตั้งมั่นว่ามีภาระกิจที่ต้องทำให้สำเร็จคือ การบรรเทาความทุกข์ทรมานของมวลมนุษย์จากโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ ด้วยความอัจฉริยะทางวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นผนวกกับความเชี่ยวชาญในการรักษา ท่านให้ความสำคัญไม่เพียงการใช้ยารักษาที่มีประสิทธิภาพแต่ตัวยาต้องมีความปลอดภัยมากเท่านั้นด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงอาศัยเทคโนโลยีการผลิตสารสกัดที่มีความก้าวหน้าท่านไม่เห็นด้วยกับการใช้ยาสารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย ซึ่งผลลัพธ์จากการวิจัยอย่างลึกซึ้งทำให้ค้นพบนวัตกรรมการผลิตยาบำบัดโรคที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งให้ผลผลิตที่ปลอดภัยและในรูปแบบของสารที่มีฤทธิ์ในการบำบัดประสิทธิภาพสูง ดร.ยอดยิ่งไม่เพียงแต่ใช้ความรู้ด้านวิทยาศาตร์ที่ซับซ้อนเพื่อผลิตสารสกัดที่มีฤทธิ์ในการบำบัดประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ได้ริเริ่มวิถีบำบัดแบบองค์รวมผนวกกับสมุทัยเวชศาสตร์ และการบำบัดรักษาที่ผสมผสานกลไลการบำบัดระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นวิถีการบำบัดที่ประสบความสำเร็จ ท่านได้นำแบบแผนการพัฒนาแนวคิดบำบัดอย่างชาญฉลาดเพื่อใช้รับมือกับโรคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพในวิถีที่ยังไม่มีการบันทึกไว้มาก่อนในทางการแพทย์แบบแผนนี้สามารถตอบโจทย์ ภาระกิจในชั่วชีวิตของท่านว่าเพื่อต้องการช่วยผู้ป่วยไม่ให้มีผลข้างเคียงจากยาอันตรายและได้รับสุขภาพและการรักษาที่แท้จริงจากโรคที่อาจคร่าชีวิตมนุษย์ได้และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ท่านประสบความสำเร็จในการนำเสนอแนวทางการรักษาโรคร้ายแรงได้อย่างน่าอัศจรรย์

ดร.ยอดยิ่งได้ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีภายใต้ศูนย์วิจัยของท่านในขณะที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่านได้ขยายการวิจัยออกไปเพื่อให้มวลมนุษย์ได้รับประโยชน์สูงสุดโดยการก่อตั้ง BVRC Medical Clinicในปี พ.ศ. 2554 คลีนิกนี้ใช้วิถีบำบัดที่หลากหลายทั้งจากวิถีการรักษาแบบองค์รวมและผสมผสานการแพทย์ทางเลือก ในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของศูนย์วิจัย BVRC ดร.ยอดยิ่งได้ชี้แนะความสำคัญด้านแนวทางการรักษาของคลีนิก BVRC ในทิศทางของ 'Body-Vitality-Relief-Care' (ร่างกาย-พลังชีวิต-การบรรเทา-การดูแล) ท่านได้กำชับว่าวิธีใดก็ตามที่นำไปบำบัดจะต้องก่อให้เกิดผลประโยชย์สูงสุดกับผู้ป่วย เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานและเสริมกำลังใจให้สร้างคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น สืบเนื่องจากที่กล่าวมาเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงก่อตั้งโรงงานขนาดย่อมเป็นธุรกิจภายในครอบครัวเพื่อผลิตสารสกัดที่ใช้บำบัด ภายใต้มาตรฐานสากลของ cGMP และ HACCP โรงงานนี้ยังเป็นฐานในการตรวจและค้นคว้าทางห้องปฏิบัติการของท่านด้วยเช่นกัน

ในปี พ.ศ. 2555 ดร.ยอดยิ่งได้คิดริเริ่มจัดงานรวมกลุ่มอย่างเป็นทางการ ระหว่างบุคคลากรด้านสุขภาพและการแพทย์ในระดับชาติขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการรักษาแผนปัจจุบัน และระบบสุขภาพเพื่อหาวิธีการปรับปรุงที่จะช่วยผู้ป่วยได้มากขึ้นจากความทุกข์ทรมาน ท่านมีความปรารถนาที่อยากให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและรับรู้ว่ายังมีหลากหลายวิธีการในการรักษาโรคสำหรับพวกเขา และให้วงการแพทย์นั้นเปิดกว้างมากขึ้นที่จะให้ความรู้ทั้งแก่ผู้ป่วยและต่อสาธารณะ เช่น แบบแผนในการรักษาการให้ความรู้เปิดกว้างมากขึ้นสำหรับผู้ป่วย ดร.ยอดยิ่งสนันสนุนการก่อตั้งสมาคมนวัตกรรมการแพทย์ผสมผสาน (ประเทศไทย) เพื่อจัดหาเวทีระดับชาติสำหรับบุคคลากรด้านสุขภาพและการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา เพื่อรับและแบ่งปันความรู้จากการแพทย์แผนปัจจุบันและแนวทางการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกการแพทย์ผสมผสานและบูรณาการเพื่อกระตุ้นการตระหนักรู้ว่าการรักษายุคใหม่และเผยแพร่แนวทางการปฏิบัติที่เป็นประโยชน์อันจะช่วยผู้ป่วยได้มากยิ่งขึ้น

ในวัย 70 กว่าปี ดร.ยอดยิ่งยังคงให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยของท่านอย่างเห็นอกเห็นใจโดยไม่เคยเก็บค่าบริการการให้คำปรึกษาตราบจนวันสุดท้ายของลมหายใจ ท่านได้เน้นย้ำว่าศูนย์วิจัย BVRC เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ต้องนำผลวิจัยที่ท่านได้ค้นพบมาใช้เพื่อเป็นแนวทางสนับสนุนและรักษาผู้ป่วยที่ได้รับความทุกข์ทรมาน โดยใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ในการบำบัดประสิทธิภาพสูงด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพอย่างสูงสุดเท่านั้น

ด้วยประการทั้งปวงการรักษาและกลไกการบำบัดทางการแพทย์ที่พัฒนาโดยดร.ยอดยิ่ง ถูกนำมาบำบัดผู้ป่วยเป็นเวลานาน และพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพต้านโรคต่างๆที่เป็นอันตรายถึงชีวิตมาเป็นเวลาหลายปี เพื่อที่จะสานต่องานวิจัยการพัฒนาการผลิตยารักษาโรคของท่านทางศูนย์วิจัย BVRC ได้ช่วยเหลือและบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยระยะสุดท้ายจำนวนมากให้สามารถกลับมามีพลังและมีกำลังใจซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่อย่างมีสุขภาพดีจวบจนถึงปัจจุบันนี้

การค้นพบและการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา

การเกษตรชาญฉลาดสู่การประยุกต์ใช้ทางการแพทย์

ภาระกิจดั้งเดิมของศูนย์วิจัย BVRC คืองานวิจัยป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อทางการเกษตร ซึ่งได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือการเกษตรระดับชาติให้ปราศจากโรคและเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ดร.ยอดยิ่งในฐานะนักภูมิคุ้มกันวิทยาที่ชาญฉลาดมีความคิดนอกกรอบต่อวิทยาศาสตร์ดั้งเดิม และเจาะลึกถึงวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ท่านเริ่มจากการวิเคราะห์วิธีการป้องกันการติดเชื้อทางการเกษตรแบบดั้งเดิม  ซึ่งใช้วัคซีนป้องกันวัคซีนแบบดั้งเดิมจะทำจากเชื้อโรคที่อ่อนแอหรือตายแล้วและถูกฉีดเข้าไปในสิ่งมีชีวิตเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและสร้างสารภูมิต้านทานปัญหา คือเมื่อเชื้อโรคในธรรมชาติเริ่มกลายพันธุ์ส่งผลให้วัคซีนเดิมไร้ประสิทธิภาพไปโดยปริยายเนื่องจากความจำที่มีความจำเพาะแต่กับเพียงสายพันธุ์ที่ได้รับการฉีดไว้เท่านั้น

แทนที่จะผลิตวัคซีนแบบดั้งเดิมที่ต้องสร้างและให้ซ้ำทุกๆครั้งที่เชื้อเกิดการกลายพันธุ์ ดร.ยอดยิ่งเลือกที่จะกำหนดเงื่อนไขให้ระบบภูมิคุ้มแบบยั่งยืนกว่านั้นที่สามารถคงอยู่ตลอดไป สามารถกระตุ้นและเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างต่อเนื่อง งานวิจัยทางการแพทย์มีบันทึกไว้ว่ามีความพยายามของนักวิทยาศาสตร์หลายคนทั่วโลกตั้งแต่ปีพ.ศ. 2523 ที่จะสร้างวัคซีนสังเคราะห์เพื่อผลิตวัคซีนที่ดีขึ้นแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ดร.ยอดยิ่งทำการวิจัยเจาะลึกภูมิคุ้มกันวิทยาระดับโมเลกุล ท่านได้ศึกษาส่วนประกอบโมเลกุลบริเวณที่เรียกว่า Antigenic Determinant หรือที่นักภูมิคุ้มกันวิทยาทราบกันดีว่า คือบริเวณที่แอนติบอดี้ทำปฎิกิริยาและกระตุ้นการจู่โจมของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ การวิจัยของท่านประสบผลสำเร็จภายใน 4 ปีแรก และได้นำผลงานทูลเกล้าถวายแด่ ในหลวงร.9 ในปีพ.ศ. 2540 และถูกนำมาพัฒนาเพิ่มเติมก่อนการประยุกต์ปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ป่วย จากการค้นพบเบื้องต้นนี้ท่านได้ใช้เวลาทั้งหมด 8 ปีในการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง 

ดร.ยอดยิ่งเป็นผู้สร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญของวงการภูมิคุ้มกันวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ด้วยการผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงNano-Fragment Super-Vaccines จากโครงสร้างโมเลกุลเรียกว่าสารแอนติเจนนิคดีเทอร์มิแน้นท์(เอดีเอส) Antigenic Determinant Substance (ADS) 

ADS มีคุณสมบัติพื้นฐานหลากหลายซึ่งสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ที่หลากหลายมาทำลายการติดเชื้อในหลายระดับได้อย่างมีประสิทธิผล

ผลลัพธ์ของการวิจัยอันทรงคุณค่าได้รับการทดลองพิสูจน์และขยายการพัฒนาออกไปก่อนที่จะได้รับการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาในปีพ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นใบอนุญาตเพื่อการผลิตสารที่ใช้รักษาด้วยภูมิคุมกันบำบัด

[ADSค้นพบเป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดยดร.ยอดยิ่งท่านมีความปรารถนาที่จะรักษาไว้ให้เป็นภูมิปัญญาของชาติและสร้างผลประโยชน์ให้กับปวงชนชาวไทยและชาติอื่นเช่นเดียวกัน]


วิสัยทัศน์และพันธกิจ

จากความสงสัยสู่การรักษา

ด้วยพื้นฐานความอยากรู้อยากค้นคว้าเพื่อค้นหาการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรคติดเชื้อทางการเกษตร ดร.ยอดยิ่งได้ค้นพบวิธีการรักษาโรคร้ายแรงถึงชีวิตของมนุษย์ด้วย ถึงแม้กระนั้นก็ตามท่านยังคงเน้นว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการประยุกต์ให้ปลอดภัยกับมนุษย์: 'อันดับแรกต้องไม่เป็นอันตราย' ผลลัพธ์ที่ได้คือการสกัดซุปเปอร์วัคซีนในรูปของยาปรับภูมิคุ้มกันแบบรับประทานซึ่งปราศจากผลข้างเคียง เป็นที่รู้จักกันดีในอุตสาหกรรมยาขนาดใหญ่ว่าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ช่วยให้หน้าที่การทำงานของอวัยวะกลับสู่ปกติดร.ยอดยิ่งเริ่มนำใช้การค้นพบที่น่าอัศจรรย์นี้เพื่อรักษา HIV (เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง)ซึ่งประสบความสำเร็จ โดยสามารถช่วยรักษาและต่อชีวิตของผู้ป่วยทั้งหลายได้เป็นอย่างดีท่านได้ขยายการรักษาไปสู่การติดเชื้ออื่นๆและไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้นในส่วนของ ADS ได้ขยายการรักษาไปยังโรคร้ายแรงอื่นๆที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น โรคน้ำตาลในเลือดสูง โรคไขมันในเลือดสูงและมะเร็งหลากหลายชนิดอีกด้วย

เมื่อท่านสามารถบรรลุความปรารถนาที่จะได้บรรเทาโรคและความทุกข์ทรมานของมนุษย์ดร.ยอดยิ่งอุทิศชีวิตที่เหลือของท่านภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่าท่านจะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้:เพื่อรักษาโรคที่รักษาไม่หาย


วิถีบำบัดของท่านสู่ Yod-Ying Protocol (ยอดยิ่งบำบัด)

ADS (เอดีเอส)

การค้นคว้าอย่างลึกซึ้งของดร.ยอดยิ่งดำเนินต่อไปท่านใช้หลักการ ADS ของเนื้อเยื่อติดเชื้อนำมาผลิต ADS สำหรับเซลล์ร้าย เช่นมะเร็ง และสารไม่พึงประสงค์อื่นๆ เช่น น้ำตาลและไขมันซึ่ง ADS คือสารภูมิคุ้มกันบำบัดที่มีประสิทธิภาพสูงใช้ในการป้องกันและรักษาโรคหลายชนิดโดยไม่มีอันตรายเช่น โรค HIV ไข้หวัด ไข้หวัดนก โรคติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา โรคน้ำตาลในเลือด สูงโรคไขมันในเลือดสูงโรคอ้วนและโรคมะเร็ง


Phytochemicals (สารสกัดพฤกษเคมี)

ด้วยความที่ดร.ยอดยิ่งเป็นนักพฤกษเคมีที่มีความชาญฉลาดอย่างโดดเด่น ท่านชี้แนะต่อไปว่ายาส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งของ BVRC จะสกัดจากพืชสมุนไพรที่ทรงคุณค่า ท่านตระหนักดีว่าสารพฤกษเคมีนั้นมีศักยภาพสูงในการรักษาโรคแต่ไม่เป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับยาจากสารเคมีสังเคราะห์ซึ่งใช้กันส่วนใหญ่ในปัจจุบัน สารพฤกษเคมีนั้นมาจากพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางยาที่ผ่านการศึกษาค้นคว้าและรักษาความเจ็บป่วยที่มีความหลากหลาย สารพฤกษเคมีมีความปลอดภัยสูงและผลลัพธ์จากการบำบัดมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและรักษาโรคอีกยังช่วยเสริมความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกายกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปีพ.ศ. 2544 ศูนย์วิจัย BVRC มุ่งเน้นการค้นคว้าด้านพฤกษเคมีอย่างลึกซึ้ง เพื่อศึกษาคุณสมบัติการบำบัดของพืชสมุนไพรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาของสารสกัดตัวแรกคือ ADS และพืชสมุนไพรภายใต้การวิจัยของศูนย์วิจัย BVRCโดยส่วนใหญ่มีแบบแผนของการแพทย์ตะวันออกซึ่งมีประวัติการรักษาที่ยาวนานและไม่ได้มาจากประเทศไทยเท่านั้น แต่พืชที่มีคุณค่าทางยาสูงเหล่านั้นมาจากทั่วโลกโดยเฉพาะจากประเทศจีนซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านพืชยารักษาโรคและในบางพื้นที่ที่มีสมุนไพรรักษาที่ดีเลิศ

ดร.ยอดยิ่งค้นคว้าและพัฒนาสารสกัดจากพืชอย่างจริงจัง ในที่สุดท่านได้ย้ำอีกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของผู้ป่วย ซึ่งต่างจากการเสียชื่อของการใช้สมุนไพรแบบดั้งเดิมที่อาจไม่เห็นผลหรือเกิดอันตรายจากการสะสมสารพิษ ดร.ยอดยิ่งได้ใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมการสกัด คือการผสมผสานภูมิปัญญาธรรมชาติและวิทยาศาสตร์อันก้าวหน้า ซึ่งก่อให้เกิดการสกัดสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ในการบำบัดประสิทธิภาพสูง ขณะเดียวกันไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตราย สารสกัดนี้ผลิตขึ้นโดยผ่านการทดสอบและพิสูจน์วิธีใช้ด้านความปลอดภัยและความมีประสิทธิภาพ ตัวยาสกัดมีความปลอดภัยแม้จะใช้ต่อเนื่องกันเวลานาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในกรณีอาการป่วยเรื้อรังหรือโรคร้ายแรงถึงชีวิต เช่น มะเร็ง BVRCใช้สารสกัดพฤกษเคมีที่ให้ผลการบำบัดดีเยี่ยมมามากกว่า 20 ปีซึ่งใช้บำบัดโรคที่มีภาวะการอักเสบภูมิต้านทานตนเอง ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล โรคอ้วน โรคไตรวมถึงมะเร็งหลากชนิดในระยะต่างๆ


Bio-Marker Peptides (สารชีวนาโนเปปไทด์)

BVRC เริ่มต้นวิจัย Biomarker ในปีพ.ศ. 2542 Biomarker คือโมเลกุลระดับนาโนเป็นสารประกอบโปรตีนที่พบในเซลล์ทุกชนิดมีหน้าที่ในการควบคุมพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต ความรู้นี้ช่วยเปิดแนวคิดการรักษาโดยการสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมอวัยวะ ซึ่งความก้าวหน้านี้ได้รับการศึกษาทางการแพทย์อย่างจริงจังในปีพ.ศ. 2533 และ Stem Cell(สเต็มเซลล์) ถูกเลือกมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้อย่างไรก็ตามแม้ประสบความสำเร็จในกรณีตัวอย่างจำนวนมาก การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ก็ยังถูกตั้งคำถามมาทุกวันนี้ถึงผลลัพธ์ที่ได้ว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ซ่อมแซมอวัยวะได้จริงหรือไม่

ดร.ยอดยิ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวทางการบำบัดที่เน้นความสำคัญสูงสุดด้านความปลอดภัยและความมีประสิทธิภาพ เป็นที่รู้กันดีในวงการแพทย์ว่าสเต็มเซลล์เป็นเซลล์ที่มีศักยภาพที่สามารถเติบโตไปเป็นเซลล์ได้ทุกชนิดซึ่งก็รวมถึงเซลล์ร้ายด้วย เพราะเหตุนี้เองดร.ยอดยิ่งผู้เชี่ยวชาญภูมิคุ้มกันวิทยาจึงมุ่งเน้นไปที่โมเลกุลที่สามารถกำหนดการเติบโตในเนื้อเยื่อที่จำเพาะมากกว่านั้น นั่นคือ Biomarkers ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลพื้นฐานที่กำหนดทั้ง DNA, RNA และการควบคุมพันธุกรรมทั้งหมดปัจจุบันวิทยาการล่าสุดให้ความสนใจ Biomarkers มากกว่าสเต็มเซลล์ เนื่องจากโมเลกุลเหล่านี้พบในเซลล์ทุกชนิดและสามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและจำเพาะมากๆเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ศูนย์วิจัย BVRCได้นำ Biomarker Peptides มาบำบัดโรคเสื่อมสภาพต่างๆอย่างได้ผลและปลอดภัย โรคที่ได้รับการบำบัดจาก Biomarkers เช่น การเสื่อมของเซลล์ประสาท การบาดเจ็บไขสันหลัง ไตวายตับ อ่อนอักเสบ การซ่อมแซมเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ



ไฟล์ประกอบ:
Antigenic Determinant Substance (ADS).pdf